วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2560






ข้างขึ้นข้างแรม
         ข้างขึ้นข้างแรม (The Moon’s Phases) หมายถึง ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรามองเห็นดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงเป็นเสี้ยว บางคืนก็เสี้ยวเล็ก บางคืนก็เสี้ยวใหญ่ บางคืนสว่างเต็มดวง บางบางคืนก็มืดหมดทั้งดวง การที่เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเพราะ ดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นทรงกลม ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านมืดของดวงจันทร์เกิดจากส่วนโค้งของดวงจันทร์บังแสง ทำให้เกิดเงามืดทางด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ เมื่อมองดูดวงจันทร์จากพื้นโลก เราจึงมองเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์มีขนาดเปลี่ยนไปเป็นวงรอบ ใช้เวลา 29.5 วัน


 ภาพที่ 1 การเกิดข้างขึ้นข้างแรม
ที่มา: Moon Connection

        
คนไทยแบ่งเดือนทางจันทรคติ(Lunar month) ออกเป็น 30 วัน คือ วันขึ้น 1 ค่ำ - วันขึ้น 15 ค่ำ และ วันแรม 1 ค่ำ - วันแรม 15 ค่ำ โดยถือให้วันขึ้น 15 ค่ำ (ดวงจันทร์สว่างเต็มดวง),วันแรม 15 ค่ำ (ดวงจันทร์มืดทั้งดวง),วันแรม 8 ค่ำและวัน ขึ้น 8 ค่ำ (ดวงจันทร์สว่างครึ่งดวง) เป็นวันพระ

 - วันแรม 15 ค่ำ (New Moon): เมื่อดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หันด้านเงามืดเข้าหาโลก ตำแหน่งปรากฏของดวงจันทร์อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ แสงสว่างของดวงอาทิตย์ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เลย
- วันขึ้น 8 ค่ำ (First Quarter): เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งมุมฉากระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นด้านสว่างและด้านมืดของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน
- วันขึ้น 15 ค่ำ หรือ วันเพ็ญ (Full Moon): ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หันด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์เข้าหาโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง
- วันแรม 8 ค่ำ (Third Quarter): ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งมุมฉากระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นด้านสว่างและด้านมืดของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน



ภาพที่ กระต่ายบนดวงจันทร์


วิธีสังเกตข้างขึ้นข้างแรม
        คนโบราณมองเห็นพื้นที่สีคล้ำซึ่งเต็มไปด้วยหลุมอุกาบาตบนดวงจันทร์เป็นรูปกระต่าย ดังภาพที่ 2 เราสามารถใช้รูปกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยสังเกตข้างขึ้นข้างแรมได้ดังนี้
- วันขึ้น 15 ค่ำ (Full Moon): ดวงจันทร์อยู่ทางด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ เราจะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง ขึ้นที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเวลาประมาณ6 โมงเย็น
- ข้างแรม (Waning Moon): เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบใช้เวลา 29.5 วัน ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ขึ้นช้าวันละ 50 นาที หรือประมาณ 12 องศาเราจึงมองเห็นดวงจันทร์ตอนเย็นก่อนดวงอาทิตย์ตกและเห็นหัวกระต่ายเสี้ยวของดวงจันทร์บางขึ้นจนกระทั่งมืดหมดทั้งดวงในวันแรม 15 ค่ำ
- วันแรม 15 ค่ำ (New Moon): ดวงจันทร์อยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก เราจึงมองเห็นแต่เงามืดของดวงจันทร์ ดวงจันทร์จะขึ้นและตกพร้อมๆ กับดวงอาทิตย์
- ข้างขึ้น (Waxing Moon): เราจะมองเห็นดวงจันทร์ตอนรุ่งเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น และไม่เห็นหัวกระต่ายเสี้ยวของดวงจันทร์จะหนาขึ้นจนกระทั่งสว่างเต็มดวงในวันขึ้น 15 ค่ำ

หมายเหตุ:
ความเป็นจริงดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบ ใช้เวลา 29.5 วัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในวันขึ้น 15 ค่ำ ในบางเดือน ดวงจันทร์ไม่สว่างเต็มดวง 100%

ในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยวบาง แต่เราสามารถมองเห็นด้านมืดของดวงจันทร์ได้ดังภาพที่ 3 เนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวโลกแล้วสะท้อนไปยังดวงจันทร์ เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า แสงโลก” (Earth shine)


ภาพที่ 3 Earth shine

    เกร็ดความรู้:
               วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์อยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์จะขึ้นทางทิศตะวันออก ขณะที่ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก
               - ดวงจันทร์ขึ้นช้า วันละ 50 นาที
               ข้างขึ้น: เราจะเห็นดวงจันทร์ในช่วงหัวค่ำ
               ข้างแรม: เราจะเห็นดวงจันทร์ในช่วงรุ่งเช้า
               - ในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยวบาง แต่เราก็สามารถมองเห็นด้านมืดของดวงจันทร์ได้ เป็นเพราะแสงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวโลก แล้วสะท้อนไปยังดวงจันทร์ เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า เอิร์ธไชน์” (Earth Shine)

    เวลาขึ้น - เวลาตกของดวงจันทร์
               เนื่องจากดวงจันทร์มีการโคจรไปรอบโลกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับการหมุนรอบตัวเองของโลก แต่การหมุนรอบตัวเองของโลกกับการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกใช้เวลาไม่เท่ากันคือดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลามากกว่าจึงทำให้ดวงจันทร์มาปรากฎให้เห็น ณ ตำแหน่งเดิมช้าลงทุกวัน จึงทำให้การขึ้นและตกของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
              ดวงจันทร์ขึ้นหมายถึงดวงจันทร์มาปรากฏอยู่ ณ ขอบฟ้าทิศตะวันออก ซึ่งจะเป็นเวลาใดก็ได้ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ส่วนดวงจันทร์ตกหมายถึงดวงจันทร์มาปรากฎอยู่ ณ ขอบฟ้าทิศตะวันตกเวลาขึ้นเวลาตกของดวงจันทร์มีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
    1. ดวงจันทร์จะขึ้นและตกช้าลงอย่างสม่ำเสมอประมาณวันละ 50 นาที
    2. ในวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะขึ้นในเวลากลางวันก่อนดวงอาทิตย์ตกและตกในเวลากลางคืน
    3. ในวันข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นหลังดวงอาทิตย์ตกหรือขึ้นในเวลากลางคืนและตกในเวลากลางวัน
    4. ในวันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์จะขึ้นเวลาประมาณเที่ยงวัน และตกในเวลาเที่ยงคืน
    5. ในวันแรม 7 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นในเวลาประมาณเที่ยงคืนและตกในเวลาประมาณเที่ยงวัน
    6. ดวงจันทร์ต้องใช้เวลาประมาณ 30 วันจึงจะมีเวลาขึ้นและตกใกล้เคียงกับเวลาเดิมอีกครั้งหนึ่ง

         สาเหตุที่คนบนโลกเห็นดวงจันทร์ช้าลงประมาณวันละ 50 นาที นั้นเป็นเพราะว่าโลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง แต่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาถึง 27.32 วัน เราจึงเห็นดวงจันทร์มาปรากฏ ณ ตำแหน่งเดิมช้าลงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันข้างขึ้น หรือข้างแรมก็ตาม เราจะพบว่าดวงจันทร์จะหันด้านสว่างเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ เมื่อสังเกตดวงจันทร์บนโลก จะพบว่าในวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะหันด้านสว่างไปทางทิศตะวันออก ดังนั้นเมื่อเราสังเกตดวงจันทร์เราจะสามารถบอกได้ว่าดวงจันทร์วันนี้เป็น ข้างขึ้น หรือข้างแรม

    การสังเกตดวงจันทร์
    ทุกคนรู้จักดวงจันทร์ส่วนใหญ่อาจเคยเห็นภูเขาสูงหลุมใหญ่น้อยจำนวนมากบนดวงจันทร์โดยดูผ่านกล้องดูดาว แล้วเกิดความรู้สึกประทับใจต่างๆกัน แต่หลายคนคงไม่ทราบล่วงหน้าว่าในแต่ละคืนดวงจันทร์อยู่ตรงไหน มีลักษณะอย่างไร คืนนี้จะเห็นดวงจันทร์หรือเปล่า ตอนที่ออกไปกลางแจ้งดูท้องฟ้าดวงจันทร์กำลังขึ้นหรือว่าอยู่สูงบนฟ้า หรือว่ากำลังจะลับขอบฟ้าทางตะวันตก จะมีดาวสว่างอยู่เคียงข้างในลักษณะ "ดาวเคียงเดือน" หรือไม่ แสงจันทร์จะรบกวนการดู   ดาวอื่นๆเพียงใด ดวงจันทร์จะเป็นอย่างไรในคืนนี้ เราจะถามคำถามนี้ได้ต้องรู้ว่าคืนนี้เป็นวันข้างขึ้นหรือวันข้างแรมกี่ค่ำ มนุษย์ใช้ดวงจันทร์เป็นเครื่องบอกเวลาและทำปฏิทินมานานแล้วเรียกว่า ปฏิทินจันทรคติ คำว่า "เดือน" ก็มาจากดวงจันทร์ หมายถึง ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เคลื่อนรอบโลก 1 รอบ
    บรรพบุรุษของเราได้เฝ้าสังเกตความยาวของเดือนจากดวงจันทร์อย่างละเอียดแล้วพบว่า ช่วงเวลาจากจันทร์เพ็ญหนึ่งถึงจันทร์เพ็ญถัดไป หรือช่วงเวลาระหว่างการเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างลักษณะเหมือนกัน มีความยาวประมาณ 29.5 วัน
    ปฏิทินจันทรคติของไทยจึงแบ่งเดือนออกเป็น 2 พวก คือ พวกเดือนขาดหรือเดือนคี่ และพวกเดือนเต็มหรือเดือนคู่ โดยให้เดือนคี่มี 29 วัน และเดือนคู่มี 30 วัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะได้เดือนละ 29.5 วัน วันเริ่มต้นของเดือนคือ ขึ้น 1 ค่ำ ดวงจันทร์เป็นเสี้ยวเล็กมาก ตกลับขอบฟ้าหลังดวงอาทิตย์ภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในวันถัดมาดวงจันทร์อยู่ห่างดวงอาทิตย์ไปทางตะวันออกมากขึ้น ส่วนที่ได้รับแสงสว่างหันมาทางโลกมากขึ้น เราจึงเห็นดวงจันทร์เป็นเสี้ยวโตขึ้นและดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าภายหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที นี่คือ วันข้างขึ้น 2 ค่ำ วันข้างขึ้นดวงจันทร์สว่างมากขึ้นห่างดวงอาทิตย์มากขึ้น และขึ้นเวลากลางวัน ถ้าห่างดวงอาทิตย์ 90 จะปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลมขึ้นเวลาเทียงวัน  ดังนั้นเมื่อดวงอาทิตย์ตกดินดวงจันทร์จึงอยู่สูงสุดบนฟ้า หันด้านนูนไปทางดวงอาทิตย์และตรงกับข้างขึ้น หรือ 8 ค่ำ ซึ่งเป็นวันพระดวงจันทร์วันขึ้น 7-8 ค่ำจะตกลับขอบฟ้าประมาณเที่ยงคืน ดวงจันทร์เต็มดวงหรือจันทร์เพ็ญจะตรงกับขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งเป็นวันพระกลางเดือนหรือแรม 1 ค่ำ พอดวงอาทิตย์ลับของฟ้าทางตะวันตกดวงจันทร์เพ็ญจะขึ้นทางตะวันออก เพราะฉะนั้น ดวงจันทร์วันขึ้น 15 ค่ำ จึงอยู่บนฟ้าตลอดทั้งคืนและสว่างที่สุดด้วย แสงจันทร์เพ็ญรบกวนการดูดาวเป็นที่สุด
    หลังจากขึ้น 15 ค่ำแล้วจะเป็นวันแรม 1 ค่ำจนถึงแรม 14 ค่ำ สำหรับเดือนคี่ ส่วนเดือนคู่จะมีถึงแรม 15 ค่ำ วันแรมน้อย ๆ ดวงจันทร์ยังสว่างมากและขึ้นจากขอบฟ้าช้าลงวันละประมาณ 50 นาที วันแรม 7-8 ค่ำ ดวงจันทร์ปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลม ขึ้นเวลาประมาณเที่ยงคืน จึงอยู่สูงสุดบนฟ้าในเวลาจวนสว่าง วันข้างแรมแก่ ๆ ดวงจันทร์จะไม่เป็นอุปสรรคในการดูดาวก่อนดวงจันทร์ขึ้น เรากำหนดให้วันแรม 7 -8 ค่ำ และแรม 14-15 ค่ำ เป็นวันเพระเช่นเดียวกัน

    ในการสังเกตดวงจันทร์นักดาราศาสตร์กำหนดให้ขนาดปรากฏของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงตาม "อายุ" กล่าวคือ เริ่มต้นนับอายุเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นพร้อมๆ กันซึ่งตรงกับวัน จันทร์ดับ (New Moon) วันที่เห็นดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมครั้งแรก ดวงจันทร์จะผ่านวันเดือนดับมาแล้ว 7 หรือ 8 วันเรียกว่าดวงจันทร์มีอายุประมาณ 7-8 วัน (First quater Moon) จันทร์เพ็ญ (Full Moon) คือดวงจันทร์อายุ 15 วัน วันที่เห็นดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมหลังจะตรงกับวันที่ดวงจันทร์มีอยุ 22 วัน (Last quater Moon) ซึ่งจะตรงกับวันราว ๆ แรม 7-8 ค่ำ ดังนั้นดวงจันทร์ที่ปรากฏบนฟ้าจึงมีอายุสูงสุดเป็น 29.5 วัน
    ถ้าทราบวันข้างขึ้น-ข้างแรมหรืออายุของดวงจันทร์แล้ว เราจะสามารถบอกได้ว่าคืนนั้นดวงจันทร์จะสว่างเพียงใด อยู่ ณ ตำแหน่งใดเมื่อเวลาที่ดู ต่อไปนี้จึงเป็นบทสรุปการเห็นดวงจันทร์ที่มีอายุต่าง ๆ กัน

    ระหว่างวันเดือนดับและวันที่ดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมแรก
    วันเดือนดับจะไม่เห็นดวงจันทร์ เพราะดวงจันทร์ปรากฏอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากในสัปดาห์นี้เราจะเห็นดวงจันทร์อยู่ทางตะวันตกในเวลาหัวค่ำเห็นเป็นเสี้ยวโตขึ้นตามอายุ ดวงจันทร์อายุ 1 วันหรือประมาณขึ้น1 ค่ำจะเป็นเสี้ยวเล็กที่สุดใกล้ขอบฟ้าตรงที่ดวงอาทิตย์ตก คล้ายเขาวัวปลายแหลม 2 เขาชูขึ้น ดวงจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ จะลับขอบฟ้าไปพร้อมแสงพลบค่ำ ดวงจันทร์อายุ 3 วันหรือขึ้น 3 ค่ำจะเห็นอยู่สูงจากขอบฟ้าด้านตะวันตกมากกว่าขึ้น 2 ค่ำในเวลาเดียวกัน แต่สว่างมากกว่า จะตกลับฟ้าหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ดวงจันทร์อายุ 5 วันหรือขึ้น 5 ค่ำจะสว่างขึ้นเป็นรูปเขาควายหงายเพราะอ้วนขึ้น อยู่สูงจากขอบฟ้าด้านตะวันตก หันด้านนูนไปยังจุดที่ดวงอาทิตย์ตก ตกกินหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 4 ชั่วโมง ดวงจันทร์อายุ 7 วันหรือขึ้น 7 ค่ำจะปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลมครุ่งแรก เห็นอยู่สูง ๆ กลางฟ้าเมื่อเวลาหัวค่ำ หันด้านนูนไปทางตะวันตก สว่างมากขึ้น รบกวนการดูดาวไปจนถึงประมาณเที่ยงคืน

    ระหว่างดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งแรกและจันทร์เพ็ญ
    ดวงจันทร์สว่างขึ้นและเห็นอยู่ค่อนไปทางตะวันออกตกลับขอบฟ้าหลังเที่ยงคืนช้าลงไปวันละประมาณ 50 นาที เช่นวันขึ้น 10 ค่ำหรือดวงจันทร์อายุ 10 วันจะตกดินหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 8 ชั่วโมง 20 นาที วันเพ็ญดวงจันทร์จะสว่างทั้งคืน

    ระหว่างจันทร์เพ็ญกับดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งหลัง
    เป็นดวงจันทร์ข้างแรมอายุมากกว่า 15 วัน ถ้าเป็นข้างแรมน้อยๆดวงจันทร์จะรบกวนการดูดาวตลอดคืน ถ้าเป็นข้างแรม 4-7 ค่ำ จะมีเวลาดูดาวโดยดวงจันทร์ไม่รบกวนในเวลาหัวค่ำถึงประมาณ 3 ทุ่ม ถ้าเป็นวันพระแรม 7 ค่ำดวงจันทร์จะขึ้นประมาณเที่ยงคืน

    ระหว่างดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งหลังและวันเดือนดับ
    เป็นดวงจันทร์ช่วงสัปดาห์สุดท้ายตั้งแต่แรม 8 ค่ำ ถึงแรม 15 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นหลังเที่ยงคืนจึงมีเวลาดูดาวตอนก่อนเที่ยงคืนได้อย่างเต็มที่ หลังเที่ยงคืนไปแล้วดวงจันทร์แรม 8-9 ค่ำจะรบกวนแล้วจะรบกวนน้อยลงสำหรับวันดวงจันทร์อายุมากหรือวันข้างแรมแก่ ๆ ตอนนั้นดวงจันทร์จะปรากฏเป็นเสี้ยว ในลักษณะที่เป็นเขาวัวปลายเขาชี้ขึ้นจากขอบฟ้าด้านตะวันออกหันด้านนูนไปทางจุดที่ดวงอาทิตย์กำลัง