ข้างขึ้นข้างแรม
ข้างขึ้นข้างแรม (The
Moon’s Phases) หมายถึง
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรามองเห็นดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงเป็นเสี้ยว
บางคืนก็เสี้ยวเล็ก บางคืนก็เสี้ยวใหญ่ บางคืนสว่างเต็มดวง
บางบางคืนก็มืดหมดทั้งดวง การที่เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเพราะ
ดวงจันทร์มีรูปร่างเป็นทรงกลม ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์
ด้านมืดของดวงจันทร์เกิดจากส่วนโค้งของดวงจันทร์บังแสง
ทำให้เกิดเงามืดทางด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ เมื่อมองดูดวงจันทร์จากพื้นโลก
เราจึงมองเห็นเสี้ยวของดวงจันทร์มีขนาดเปลี่ยนไปเป็นวงรอบ ใช้เวลา 29.5 วัน
ภาพที่ 1 การเกิดข้างขึ้นข้างแรม
ที่มา: Moon Connection
คนไทยแบ่งเดือนทางจันทรคติ(Lunar
month) ออกเป็น 30 วัน คือ วันขึ้น 1 ค่ำ - วันขึ้น 15 ค่ำ และ
วันแรม 1 ค่ำ - วันแรม 15 ค่ำ โดยถือให้วันขึ้น 15 ค่ำ (ดวงจันทร์สว่างเต็มดวง),วันแรม 15 ค่ำ (ดวงจันทร์มืดทั้งดวง),วันแรม 8
ค่ำและวัน ขึ้น 8 ค่ำ (ดวงจันทร์สว่างครึ่งดวง) เป็นวันพระ
- วันแรม 15 ค่ำ (New Moon): เมื่อดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์หันด้านเงามืดเข้าหาโลก ตำแหน่งปรากฏของดวงจันทร์อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์
แสงสว่างของดวงอาทิตย์ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เลย
- วันขึ้น
8 ค่ำ (First
Quarter): เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งมุมฉากระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ทำให้เรามองเห็นด้านสว่างและด้านมืดของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน
- วันขึ้น
15 ค่ำ หรือ วันเพ็ญ (Full Moon): ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์หันด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์เข้าหาโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง
- วันแรม
8 ค่ำ (Third
Quarter): ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งมุมฉากระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ทำให้เรามองเห็นด้านสว่างและด้านมืดของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน
ภาพที่ 2 กระต่ายบนดวงจันทร์
วิธีสังเกตข้างขึ้นข้างแรม
คนโบราณมองเห็นพื้นที่สีคล้ำซึ่งเต็มไปด้วยหลุมอุกาบาตบนดวงจันทร์เป็นรูปกระต่าย
ดังภาพที่ 2 เราสามารถใช้รูปกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยสังเกตข้างขึ้นข้างแรมได้ดังนี้
- วันขึ้น 15
ค่ำ (Full
Moon): ดวงจันทร์อยู่ทางด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
เราจะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวง ขึ้นที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเวลาประมาณ6 โมงเย็น
- ข้างแรม (Waning Moon):
เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1 รอบใช้เวลา 29.5 วัน
ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ขึ้นช้าวันละ 50 นาที หรือประมาณ 12
องศาเราจึงมองเห็นดวงจันทร์ตอนเย็นก่อนดวงอาทิตย์ตกและเห็นหัวกระต่ายเสี้ยวของดวงจันทร์บางขึ้นจนกระทั่งมืดหมดทั้งดวงในวันแรม
15 ค่ำ
- วันแรม
15 ค่ำ (New
Moon): ดวงจันทร์อยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก
เราจึงมองเห็นแต่เงามืดของดวงจันทร์ ดวงจันทร์จะขึ้นและตกพร้อมๆ
กับดวงอาทิตย์
- ข้างขึ้น
(Waxing
Moon): เราจะมองเห็นดวงจันทร์ตอนรุ่งเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
และไม่เห็นหัวกระต่ายเสี้ยวของดวงจันทร์จะหนาขึ้นจนกระทั่งสว่างเต็มดวงในวันขึ้น
15 ค่ำ
หมายเหตุ:
ความเป็นจริงดวงจันทร์โคจรรอบโลก
1 รอบ ใช้เวลา 29.5 วัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในวันขึ้น 15 ค่ำ ในบางเดือน
ดวงจันทร์ไม่สว่างเต็มดวง 100%
ในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยวบาง
แต่เราสามารถมองเห็นด้านมืดของดวงจันทร์ได้ดังภาพที่ 3
เนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวโลกแล้วสะท้อนไปยังดวงจันทร์
เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “แสงโลก” (Earth shine)
ภาพที่ 3 Earth shine
|
เกร็ดความรู้:
วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
ดวงจันทร์อยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
ดังนั้นเราจึงเห็นดวงจันทร์จะขึ้นทางทิศตะวันออก ขณะที่ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก
- ดวงจันทร์ขึ้นช้า วันละ 50 นาที
ข้างขึ้น:
เราจะเห็นดวงจันทร์ในช่วงหัวค่ำ
ข้างแรม:
เราจะเห็นดวงจันทร์ในช่วงรุ่งเช้า
- ในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยวบาง
แต่เราก็สามารถมองเห็นด้านมืดของดวงจันทร์ได้
เป็นเพราะแสงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวโลก แล้วสะท้อนไปยังดวงจันทร์
เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “เอิร์ธไชน์” (Earth Shine)
เวลาขึ้น -
เวลาตกของดวงจันทร์
เนื่องจากดวงจันทร์มีการโคจรไปรอบโลกจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก
ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับการหมุนรอบตัวเองของโลก
แต่การหมุนรอบตัวเองของโลกกับการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกใช้เวลาไม่เท่ากันคือดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลามากกว่าจึงทำให้ดวงจันทร์มาปรากฎให้เห็น
ณ ตำแหน่งเดิมช้าลงทุกวัน จึงทำให้การขึ้นและตกของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
ดวงจันทร์ขึ้นหมายถึงดวงจันทร์มาปรากฏอยู่ ณ ขอบฟ้าทิศตะวันออก
ซึ่งจะเป็นเวลาใดก็ได้ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน
ส่วนดวงจันทร์ตกหมายถึงดวงจันทร์มาปรากฎอยู่ ณ ขอบฟ้าทิศตะวันตกเวลาขึ้นเวลาตกของดวงจันทร์มีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1.
ดวงจันทร์จะขึ้นและตกช้าลงอย่างสม่ำเสมอประมาณวันละ 50 นาที
2.
ในวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะขึ้นในเวลากลางวันก่อนดวงอาทิตย์ตกและตกในเวลากลางคืน
3.
ในวันข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นหลังดวงอาทิตย์ตกหรือขึ้นในเวลากลางคืนและตกในเวลากลางวัน
4. ในวันขึ้น
8 ค่ำ ดวงจันทร์จะขึ้นเวลาประมาณเที่ยงวัน และตกในเวลาเที่ยงคืน
5. ในวันแรม 7
ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นในเวลาประมาณเที่ยงคืนและตกในเวลาประมาณเที่ยงวัน
6.
ดวงจันทร์ต้องใช้เวลาประมาณ 30
วันจึงจะมีเวลาขึ้นและตกใกล้เคียงกับเวลาเดิมอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุที่คนบนโลกเห็นดวงจันทร์ช้าลงประมาณวันละ 50 นาที
นั้นเป็นเพราะว่าโลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมง
แต่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาถึง 27.32 วัน เราจึงเห็นดวงจันทร์มาปรากฏ ณ
ตำแหน่งเดิมช้าลงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันข้างขึ้น หรือข้างแรมก็ตาม
เราจะพบว่าดวงจันทร์จะหันด้านสว่างเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ เมื่อสังเกตดวงจันทร์บนโลก
จะพบว่าในวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะหันด้านสว่างไปทางทิศตะวันออก
ดังนั้นเมื่อเราสังเกตดวงจันทร์เราจะสามารถบอกได้ว่าดวงจันทร์วันนี้เป็น ข้างขึ้น
หรือข้างแรม
การสังเกตดวงจันทร์
ทุกคนรู้จักดวงจันทร์ส่วนใหญ่อาจเคยเห็นภูเขาสูงหลุมใหญ่น้อยจำนวนมากบนดวงจันทร์โดยดูผ่านกล้องดูดาว
แล้วเกิดความรู้สึกประทับใจต่างๆกัน แต่หลายคนคงไม่ทราบล่วงหน้าว่าในแต่ละคืนดวงจันทร์อยู่ตรงไหน
มีลักษณะอย่างไร คืนนี้จะเห็นดวงจันทร์หรือเปล่า
ตอนที่ออกไปกลางแจ้งดูท้องฟ้าดวงจันทร์กำลังขึ้นหรือว่าอยู่สูงบนฟ้า
หรือว่ากำลังจะลับขอบฟ้าทางตะวันตก จะมีดาวสว่างอยู่เคียงข้างในลักษณะ
"ดาวเคียงเดือน" หรือไม่ แสงจันทร์จะรบกวนการดู ดาวอื่นๆเพียงใด ดวงจันทร์จะเป็นอย่างไรในคืนนี้
เราจะถามคำถามนี้ได้ต้องรู้ว่าคืนนี้เป็นวันข้างขึ้นหรือวันข้างแรมกี่ค่ำ
มนุษย์ใช้ดวงจันทร์เป็นเครื่องบอกเวลาและทำปฏิทินมานานแล้วเรียกว่า ปฏิทินจันทรคติ
คำว่า "เดือน" ก็มาจากดวงจันทร์ หมายถึง ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เคลื่อนรอบโลก
1 รอบ
บรรพบุรุษของเราได้เฝ้าสังเกตความยาวของเดือนจากดวงจันทร์อย่างละเอียดแล้วพบว่า
ช่วงเวลาจากจันทร์เพ็ญหนึ่งถึงจันทร์เพ็ญถัดไป
หรือช่วงเวลาระหว่างการเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างลักษณะเหมือนกัน มีความยาวประมาณ
29.5 วัน
ปฏิทินจันทรคติของไทยจึงแบ่งเดือนออกเป็น
2 พวก คือ พวกเดือนขาดหรือเดือนคี่ และพวกเดือนเต็มหรือเดือนคู่ โดยให้เดือนคี่มี
29 วัน และเดือนคู่มี 30 วัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะได้เดือนละ 29.5 วัน
วันเริ่มต้นของเดือนคือ ขึ้น 1 ค่ำ ดวงจันทร์เป็นเสี้ยวเล็กมาก
ตกลับขอบฟ้าหลังดวงอาทิตย์ภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ในวันถัดมาดวงจันทร์อยู่ห่างดวงอาทิตย์ไปทางตะวันออกมากขึ้น
ส่วนที่ได้รับแสงสว่างหันมาทางโลกมากขึ้น
เราจึงเห็นดวงจันทร์เป็นเสี้ยวโตขึ้นและดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าภายหลังดวงอาทิตย์ประมาณ
1 ชั่วโมง 40 นาที นี่คือ วันข้างขึ้น 2 ค่ำ วันข้างขึ้นดวงจันทร์สว่างมากขึ้นห่างดวงอาทิตย์มากขึ้น
และขึ้นเวลากลางวัน ถ้าห่างดวงอาทิตย์ 90
จะปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลมขึ้นเวลาเทียงวัน
ดังนั้นเมื่อดวงอาทิตย์ตกดินดวงจันทร์จึงอยู่สูงสุดบนฟ้า
หันด้านนูนไปทางดวงอาทิตย์และตรงกับข้างขึ้น หรือ 8 ค่ำ
ซึ่งเป็นวันพระดวงจันทร์วันขึ้น 7-8 ค่ำจะตกลับขอบฟ้าประมาณเที่ยงคืน
ดวงจันทร์เต็มดวงหรือจันทร์เพ็ญจะตรงกับขึ้น 15 ค่ำ
ซึ่งเป็นวันพระกลางเดือนหรือแรม 1 ค่ำ
พอดวงอาทิตย์ลับของฟ้าทางตะวันตกดวงจันทร์เพ็ญจะขึ้นทางตะวันออก เพราะฉะนั้น
ดวงจันทร์วันขึ้น 15 ค่ำ จึงอยู่บนฟ้าตลอดทั้งคืนและสว่างที่สุดด้วย
แสงจันทร์เพ็ญรบกวนการดูดาวเป็นที่สุด
หลังจากขึ้น
15 ค่ำแล้วจะเป็นวันแรม 1 ค่ำจนถึงแรม 14 ค่ำ สำหรับเดือนคี่
ส่วนเดือนคู่จะมีถึงแรม 15 ค่ำ วันแรมน้อย ๆ
ดวงจันทร์ยังสว่างมากและขึ้นจากขอบฟ้าช้าลงวันละประมาณ 50 นาที วันแรม 7-8 ค่ำ
ดวงจันทร์ปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลม ขึ้นเวลาประมาณเที่ยงคืน
จึงอยู่สูงสุดบนฟ้าในเวลาจวนสว่าง วันข้างแรมแก่ ๆ
ดวงจันทร์จะไม่เป็นอุปสรรคในการดูดาวก่อนดวงจันทร์ขึ้น เรากำหนดให้วันแรม 7 -8 ค่ำ
และแรม 14-15 ค่ำ เป็นวันเพระเช่นเดียวกัน
ในการสังเกตดวงจันทร์นักดาราศาสตร์กำหนดให้ขนาดปรากฏของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงตาม
"อายุ" กล่าวคือ เริ่มต้นนับอายุเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นพร้อมๆ
กันซึ่งตรงกับวัน จันทร์ดับ (New Moon) วันที่เห็นดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมครั้งแรก
ดวงจันทร์จะผ่านวันเดือนดับมาแล้ว 7 หรือ 8 วันเรียกว่าดวงจันทร์มีอายุประมาณ 7-8
วัน (First quater Moon) จันทร์เพ็ญ (Full Moon) คือดวงจันทร์อายุ 15 วัน
วันที่เห็นดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมหลังจะตรงกับวันที่ดวงจันทร์มีอยุ 22 วัน (Last
quater Moon) ซึ่งจะตรงกับวันราว ๆ แรม 7-8 ค่ำ
ดังนั้นดวงจันทร์ที่ปรากฏบนฟ้าจึงมีอายุสูงสุดเป็น 29.5 วัน
ถ้าทราบวันข้างขึ้น-ข้างแรมหรืออายุของดวงจันทร์แล้ว
เราจะสามารถบอกได้ว่าคืนนั้นดวงจันทร์จะสว่างเพียงใด อยู่ ณ
ตำแหน่งใดเมื่อเวลาที่ดู ต่อไปนี้จึงเป็นบทสรุปการเห็นดวงจันทร์ที่มีอายุต่าง ๆ
กัน
ระหว่างวันเดือนดับและวันที่ดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมแรก
วันเดือนดับจะไม่เห็นดวงจันทร์
เพราะดวงจันทร์ปรากฏอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากในสัปดาห์นี้เราจะเห็นดวงจันทร์อยู่ทางตะวันตกในเวลาหัวค่ำเห็นเป็นเสี้ยวโตขึ้นตามอายุ
ดวงจันทร์อายุ 1 วันหรือประมาณขึ้น1
ค่ำจะเป็นเสี้ยวเล็กที่สุดใกล้ขอบฟ้าตรงที่ดวงอาทิตย์ตก คล้ายเขาวัวปลายแหลม 2
เขาชูขึ้น ดวงจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ จะลับขอบฟ้าไปพร้อมแสงพลบค่ำ ดวงจันทร์อายุ 3
วันหรือขึ้น 3 ค่ำจะเห็นอยู่สูงจากขอบฟ้าด้านตะวันตกมากกว่าขึ้น 2
ค่ำในเวลาเดียวกัน แต่สว่างมากกว่า จะตกลับฟ้าหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 2 ชั่วโมง 30
นาที ดวงจันทร์อายุ 5 วันหรือขึ้น 5
ค่ำจะสว่างขึ้นเป็นรูปเขาควายหงายเพราะอ้วนขึ้น อยู่สูงจากขอบฟ้าด้านตะวันตก
หันด้านนูนไปยังจุดที่ดวงอาทิตย์ตก ตกกินหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 4 ชั่วโมง
ดวงจันทร์อายุ 7 วันหรือขึ้น 7 ค่ำจะปรากฏเป็นรูปครึ่งวงกลมครุ่งแรก เห็นอยู่สูง ๆ
กลางฟ้าเมื่อเวลาหัวค่ำ หันด้านนูนไปทางตะวันตก สว่างมากขึ้น
รบกวนการดูดาวไปจนถึงประมาณเที่ยงคืน
ระหว่างดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งแรกและจันทร์เพ็ญ
ดวงจันทร์สว่างขึ้นและเห็นอยู่ค่อนไปทางตะวันออกตกลับขอบฟ้าหลังเที่ยงคืนช้าลงไปวันละประมาณ
50 นาที เช่นวันขึ้น 10 ค่ำหรือดวงจันทร์อายุ 10 วันจะตกดินหลังดวงอาทิตย์ประมาณ 8
ชั่วโมง 20 นาที วันเพ็ญดวงจันทร์จะสว่างทั้งคืน
ระหว่างจันทร์เพ็ญกับดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งหลัง
เป็นดวงจันทร์ข้างแรมอายุมากกว่า
15 วัน ถ้าเป็นข้างแรมน้อยๆดวงจันทร์จะรบกวนการดูดาวตลอดคืน ถ้าเป็นข้างแรม 4-7
ค่ำ จะมีเวลาดูดาวโดยดวงจันทร์ไม่รบกวนในเวลาหัวค่ำถึงประมาณ 3 ทุ่ม
ถ้าเป็นวันพระแรม 7 ค่ำดวงจันทร์จะขึ้นประมาณเที่ยงคืน
ระหว่างดวงจันทร์รูปครึ่งวงกลมครึ่งหลังและวันเดือนดับ
เป็นดวงจันทร์ช่วงสัปดาห์สุดท้ายตั้งแต่แรม
8 ค่ำ ถึงแรม 15 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นหลังเที่ยงคืนจึงมีเวลาดูดาวตอนก่อนเที่ยงคืนได้อย่างเต็มที่
หลังเที่ยงคืนไปแล้วดวงจันทร์แรม 8-9
ค่ำจะรบกวนแล้วจะรบกวนน้อยลงสำหรับวันดวงจันทร์อายุมากหรือวันข้างแรมแก่ ๆ
ตอนนั้นดวงจันทร์จะปรากฏเป็นเสี้ยว
ในลักษณะที่เป็นเขาวัวปลายเขาชี้ขึ้นจากขอบฟ้าด้านตะวันออกหันด้านนูนไปทางจุดที่ดวงอาทิตย์กำลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น